สารพันรักกับนางสาวตาหวาน - สารพันรักกับนางสาวตาหวาน นิยาย สารพันรักกับนางสาวตาหวาน : Dek-D.com - Writer

    สารพันรักกับนางสาวตาหวาน

    จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อสาวสุดเฉยถูกจับแปลงร่างเสียสวยพร้งเพื่อไปงานราตรีและบังเอิญความสวยดันไปสะดุดตาต้องใจชายหนุ่มสุดหล่อผู้ได้ฉายาว่า \"เจ้าชาย\" เข้าอย่างจัง

    ผู้เข้าชมรวม

    1,522

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.52K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ธ.ค. 47 / 16:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สารพันรักกับนางสาวตาหวาน ตอน เจ้าชายในฝันของสาวๆ (เรื่องสั้นส่งท้ายปีเก้าค่ะ)

      ตาหวานคือจริงของนางสาวตาหวาน ยุติยุทธ
      เธอเป็นลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัวอันมีจะกินครอบครัวหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่
      พี่สาวคนโตของตาหวานชื่อแก้มเนียน ส่วนพี่ชายคนรองชื่อคิ้วเข้ม

      ลูกแต่ละคนก็มีลักษณะตามชื่อที่ตั้งให้ไม่มีผิดเพี้ยน
      แก้มเนียนมีแก้มที่เนียนใสสมชื่อ ผิวเธอขาวละเอียดอมชมพู
      ใครเห็นก็ต้องชมว่าน่ารัก ส่วนคิ้วเข้มก็คมเข้มสมกับเป็นทหาร

      แล้วตาหวานล่ะเป็นยังไง? แน่นอนล่ะว่าเธอมีตาที่สวยสมชื่อ
      เสียดายที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอมีดีแค่ที่ตา
      นอกนั้นมันดูไม่ค่อยได้เลยในความรู้สึกของหญิงสาว
      ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือดวงตาสวยๆ ถูกแว่นกรอบหนาบดบังไว้จนมิด

      ตาหวานเคยคิดจะใส่คอนแทคเลนส์อยู่เหมือนกัน
      แต่พอเห็นเขาสาทิตวิธีใส่เท่านั้นแหละเธอก็ต้องถอยกรูดออกมาจากร้านแทบไม่ทัน
      ไม่เอา ไม่ไหว ตายดีกว่าถ้าต้องใช้มือถ่างลูกตาเข้าไปหยิบเลนส์ออกมา
      ทางเดียวที่จะได้อวดดวงตาสวยๆ ให้คนเห็นคือรักษาด้วยเลเซอร์
      แต่นั้นก็ต้องรอให้เธออายุครบยี่สิบ ไม่ก็สายตาคงที่เสียก่อน
      ซึ่งก็ต้องรอไม่ต่ำกว่าหนึ่งปีครึ่ง

      ตอนนี้ตาหวานเป็นนักศึกษาปีหนึ่งคณะเภสัชศาสตร์
      เธอมีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องคิดค้นตัวยาที่สามารถทำให้คนเราเป็นคนดีให้ได้
      ถ้าสำเร็จยาจะถูกแจกจ่ายไปให้ผู้คนทั่วโลก
      เด็กแรกเกิดจะได้รับยาตัวนี้เพื่อป้องกันการเป็นคนเลว
      ไม่นานปัญหาอาชญากรรมและความวุ่นวายต่างๆ ก็จะหมดไปจากโลก
      โลกคงน่าขึ้นมากเลยทีเดียว
      ถ้าเทียบกับยุคในพระพุทธศาสนาก็คงใกล้เคียงกับยุคของพระศรีอาริยเมตไตรย
      ที่คนเราทุกคนเท่าเทียมกันหมด
      เกริ่นมาแยะแล้วคงต้องพักเรื่องประวัติส่วนตัวของตาหวานเอาไว้ก่อน
      เธอไม่มีเวลาสำหรับการคิดเรื่องนี้แล้ว อีกชั่วโมงเพื่อนที่คณะจะมารับไปงานบายเนียร์
      ตอนนี้เธอยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย ทำไมอะไรๆ มันถึงได้วุ่นวายนักนะ
          
      การที่ใครสักคนหนึ่งจะแต่งสวยไปงานราตรีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด
      ยิ่งเป็นคนที่ร้อยวันพันชาติไม่เคยคิดจะแต่งตัวอย่างตาหวานยิ่งเป็นวิบากกรรม
      โชคดีที่หญิงสาวมีเจ้าแม่ด้านความงามเป็นรูมเมท
      เจ้าหล่อนเลยมีคนช่วยแต่งเนื้อแต่งตัวให้
          
      “ขั้นแรกสุดต้องทำความสะอาดร่างกายเสียก่อนโดยการอบไอน้ำ
      นวดหน้าและหมักผม ต่อไปก็ต้องมาทาครีมบำรุง แต้มนั้นโป๊ะนี่จนทั่วทั้งตัว
      จากนั้นก็แต่งตัวแต่งหน้า แค่นี้เองง่ายจะได้”
      ลินลาศพูดย่อๆ ให้ฟัง ง่ายจะตายของเจ้าหล่อนน่ะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งวันนะเจ้าคะ
      แค่ได้ยินตาหวานก็จะลมจับแล้ว
      ไม่เชื่อก็ลองดูวิธีแต่งหน้าแบบพอหอมปากหอมคอจากเจ้าแม่ลิลาศดูสิ  

      ก่อนแต่งหน้าต้องล้างหน้าให้สะอาด
      ตามติดมาด้วยการใช้โทนเนอร์ทำความสะอาดใบหน้า
      จากนั้นก็ทามอยส์เจอไรเซอร์กับโลชั่นกันแดด ตามมาด้วยการทารองพื้น
      ขั้นตอนนี้ต้องเกลี่ยรองพื้นให้ทั่วโดยการใช้ฟองน้ำ
      จากนั้นทาคอนซีเลอร์ (ครีมใช้ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา)
      ต่อด้วยการโป๊ะแป้งฝุ่นโปร่งแสง เสร็จแล้วก็ทาแป้งพัฟตาม
      ต่อก็มาแต่งคิ้วให้ได้รูป เขียนให้ดูดีเสียหน่อยแล้วก็ปัดแก้ม
      จากหน้าก็มาที่ตากับปาก แต่งตาโดยใช้อายแชโดว์ ดัดขนตาให้งอน ปัดมาสคาร่าให้เรียบร้อย
      สุดท้ายที่ต้องแต่งคือปาก ก่อนทาลิปสติกให้ใช้ลิปกลอสทาบำรุงเสียก่อน
      เขียนขอบปากให้คมชักแล้วถึงจะลิปสติกได้ ขั้นตอนยุ่งยากน่าปวดหัวเสียเหลือเกินล่ะ  
          
      ตาหวานนั่งคอแข็งให้เพื่อนแต่งหน้าให้เกือบหนึ่งชั่วโมง
      คนถูกจับแปลงโฉมก็มีโอกาสลุกขึ้นมาส่องกระจก ร่างระหงมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วต้องเบ้ปาก

      “ไม่จัดไปเหรอลิน” หญิงสาวท้วงเจ้าของผลงานเมคอัพบนหน้าเธอ

      “ไม่จัดหรอกตาหวาน งานกลางคืนมันก็ต้องแต่งแบบนี้แหละ
      เชื่อมือเค้าเหอะ ตัวเองไม่ชินมากกว่าเลยดูแปลก” ลินลาศพูดให้กำลังใจเพื่อน

      “อย่างกับกระเทยแน่ะ แต่งใหม่ให้มันอ่อนกว่านี้ไม่ได้เหรอ”
      ตาหวานพยายามแย้งแต่ไร้ผล เพื่อนสาวยังคงยืนยันคำเดิม
      ตาหวานเลยต้องยอมแพ้ ลองเชื่อเพื่อนสุดที่รักดูสักครั้งก็ได้

      ตาหวานแต่งตัวเสร็จช้ากว่าเวลาที่นัดเพื่อนไว้เล็กน้อย
      ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปจากห้อง ลินลาศก็เรียกไว้
      เธอบอกว่ายังแต่งตัวไม่เสร็จ เล็บปลอมที่เตรียมไว้ยังไม่ได้ติดเลย

      “ไม่ต้องติดแล้วลิน เดี๋ยวจะไปไม่ทัน นายทัวร์รอแย่”
      ป่านนี้ยศกรคงจะนั่งรอรากงอกอยู่ด้านล่างแล้ว
          
      “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ทัวร์โทรมาบอกว่าจะมาช้า เพราะฉะนั้นนั่งนิ่งๆ เค้าจะติดเล็บให้
      สู้อุตส่าห์ลงทุนนั่งทำให้ตั้งนาน เป็นตายร้ายดียังไงก็ต้องติด
          
      “ทัวร์โทรมาตอนไหน ไม่เห็นรู้เรื่อง”  
          
      “ตอนตัวเองเข้าห้องน้ำ”
      ลินลาศตอบไปบรรจงติดเล็บไป มือหญิงสาวทำงานอย่างคล่องแคล่วว่องไวไม่แพ้มืออาชีพ
      แน่ล่ะก็มีน้าสาวเปิดร้านเสริมสวยนี่คะ ให้เสียชื่อน้าได้ยังไง  
          
      ลินลาศคือสาวหน้าหวานสุดเปรี้ยว สมกับที่เรียนนิเทศน์ศาสตร์
      เธอชอบแต่งตัวผิดกับตาหวานที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไหร่
      จนมาอยู่ด้วยกันนี่แหละนิสัยมันถึงได้ถ่ายโอนกัน
      พักหลังลินลาศเปรี้ยวน้อยลงหน่อย ส่วนตาหวานหันมาสนใจเรื่องความงามของตัวเองมาอีกนิด
      สังเกตจากที่ลินลาสใส่กระโปรงยาวขึ้นหนึ่งเซนติเมตร
      กับการที่ตาหวานบอกว่าอยากจะลองแต่งตัวสวยๆ ไปงานราตรีกับเขาดูบ้าง
          
      พอลินลาศได้ยินคำว่าอยากสวยเท่านั้นแหละ เจ้าหล่อนก็ฉุดกระชากลากดึงเพื่อนไปหาซื้อชุดทันที
      ตาหวานแค่เปรยๆ เท่านั้น ไม่นึกว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้
      เห็นเพื่อนกระตือรือร้นก็เลยเกรงใจไม่กล้าขัด
      หน้าตาพื้นๆ อย่างเธอ จะสวยขึ้นมาได้สักแค่ไหนเชียว

      เรื่องหน้าตามันเป็นปมด้อยของตาหวานมาแต่ไหนแต่ไร
      เธอมีพี่สาวแสนสวยกับพี่ชายสุดหล่อ เลยมักถูกใครๆ เปรียบเทียบว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ในหมู่พี่น้อง
      เธอปลงเสียแล้วกับเรื่องนี้ ใครจะว่ายังไงก็ปล่อยเขา
      เธอภูมิใจและพอใจในความเป็นตัวเธอ เกิดมาสมประกอบก็ดีแค่ไหนแล้ว
      จะมาใส่ใจอะไรกับแค่เรื่องหน้าตา
          
      ตาหวานแต่งตัวเสร็จตอนเพื่อนมารับพอดี ยศกรกระหืบหระหอบวิ่งมาหา
      ชายหนุ่มบอกว่าลืมของขวัญที่จะให้ทวดรหัสก็เลยต้องกลับไปเอาที่บ้านอีกรอบ
          
      “แท้นแทน…สวยมั้ยเอ่ย ฝีมือลินลาศบิวตี้นะเนี่ย”
      ลินลาศผายมือมาทางตาหวาน นายทัวร์เห็นแล้วรับรองต้องตะลึง
          
      “อืม รีบไปกันเถอะ” ยศกรพูดโดยไม่เหลือบมองดูหน้าเพื่อนสาวเลยสักนิด
      ทำเอาลินลาศหน้ามุ่ย หญิงสาวปราดเข้าไปยืนเท้าสะเอวขวางหน้าชายหนุ่มไว้
      แล้วบังคับให้ชมฝีมือการแปลงโฉมของเธอก่อนไป
          
      ยศกรจำใจต้องหันไปมอง รีบก็รีบยังต้องมาเสียเวลาทำอะไรแบบนี้อีก
          
      “เป็นไง” ลินลาศฉีกยิ้มหวาน ดวงตาเป็นประกายเพราะคาดหวังคำชมไว้สูงมาก
          
      ชายหนุ่มมองหน้าตาหวานแล้วไม่พูดอะไรสักคำ
      มองเสร็จก็กลับหลังหันพูดแค่ว่า ”ไปเร็ว” แล้วเดินลงไปหน้าตาเฉย
          
      “เดี๋ยวสิ!” ลินลาศแยกเขี้ยวใส่ จะชมจะติก็ไม่ว่าอะไรสักคำ
          
      ตาหวานเสียความมั่นใจไปมาก หญิงสาวเกิดอาการงอแงไม่อยากไปงานเสียอย่างนั้น
      ลินลาศเลยต้องออกแรงลากเพื่อนไปที่รถของยศกร
      ชายหนุ่มสตาร์ทเครื่องรถยนต์รออยู่แล้ว ปิดประตูปุ๊บก็ออกเดินทางได้ทันที
          
      “มั่นใจไว้ตาหวาน ตัวเองสวยมากๆ เลย”
      เสียงลินลาศตะโกนไล่หลังมาแว่วๆ กระนั้นตาหวานก็ยังไม่มั่นใจในตัวเองอยู่ดี
          
      “ทัวร์เราเป็นไง บอกตามตรงก็ได้นะ” หญิงสาวตัดสินใจถามเพื่อน
          
      “สวย สวยมาก สวยจนแทบจำไม่ได้เลย” ยศกรออกปากชม
      แต่ทำมั้ยทำไมสีหน้าตอนชมมันถึงได้ดูไร้อารมณ์ชอบกล
          
      แม้จะวิตกว่าตัวเองจะดูประหลาด
      แต่ตาหวานก็ตัดสินใจเดินออกจากรถเข้าไปในงานอย่างมาดมั่น
      เธอถอดแว่นสายตาออกทำให้มองเห็นอะไรพร่ามัวไปหมด
      ทำแบบนี้แล้วมั่นใจขึ้นเป็นกอง เพราะไม่เห็นสีหน้าของคนที่มองมาว่าเป็นอย่างไร
          
      ในห้องจัดงานพลุกพล่านด้วยผู้คนมากมาย
      ไม่มีใครสนใจการแสดงบนเวทีเท่าใดนัก ส่วนใหญ่จะพูดคุยและถ่ายรูปกันเสียมากกว่า

      ตาหวานกับยศกรแยกกันเมื่อเข้าไปในงานได้ครู่หนึ่ง
      ต่างฝ่ายต่างแยกกันไปหายสายรหัสของตัวเอง
      ตาหวานหลงวนอยู่ในงานพักใหญ่ เธอมองเห็นอะไรไม่ชัดเอาเลย
      เวลาไม่มีแว่นนี่มันน่าหงุดหงิดใจเสียจริง
      ในที่สุดเธอก็หมดความอดทนต้องหยิบแว่นจากกระเป๋าถือมาสวม
      เห็นพี่รหัสของเธออยู่ด้านหลังนี่เอง ส่วนป้ารหัสกำลังถ่ายรูปอยู่อีกมุมห้อง
          
      “พี่ตั๊กขาเห็นพี่นามั้ยคะ ตาหวานมีของจะให้พี่เขา” หญิงสาวเดินเข้าไปหาพี่รหัส
          
      “ว้าว! สวยเชียวตาหวาน ใครแต่งให้เนี่ย เนียนมากๆ เลย”
      คนเป็นพี่ออกปากชมแทนการตอบคำถาม สักพักก็ฉุดแขนหญิงสาวไปถ่ายรูปอีกด้าน
      จัดแจงถอดแว่นตาน้องรหัสออกแล้วเที่ยวอวดใครต่อใครว่า
      “นี่น้องชั้นสวยเหมือนกันเลยว่ามั้ย?”
          
      “น้องเธอ ห๋า…ตาหวานเหรอเนี่ย สวยจัง ไม่น่าเชื่อเลยอย่างกับคนละคน”
      หญิงสาวพิจารณาอีกฝ่ายอย่างละเอียดละออ
      ปกติเห็นใส่แต่ชุดหลวมๆ ไม่นึกว่ารูปร่างจะได้สัดส่วนแบบนี้
      ชุดสีกุหลาบดูเข้ากันได้ดีกับผิวสีขาว ถึงจะไม่ขาวจัดแต่มันก็เนียนละเอียดดูน่าสัมผัส
      ผมที่เกล้าไว้เผยให้เห็นใบหน้าสวยได้รูป
      คนแต่งหน้าเข้าใจเติมสีสันให้ดวงตาคู่สวยกับริมฝีปากอิ่ม
      โดยรวมแล้วจัดว่าสวยสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงๆ
          
      “สวยจริงเหรอคะพี่” ตาหวานตัดสินใจถาม ชักเริ่มเชื่อว่าตัวเองสวยจริง
          
      “สวยสิจ๊ะ คืนนี้ตาหวานสะดุดตาที่สุดเลยนะ หนุ่มๆ มองกันตาค้างเชียว
      คืนนี้หาเจ้าชายให้เจอนะจ๊ะ ซิลเดลเรลล่า”
      พูดพลางจ้องมองรองเท้าส้นแก้วที่หญิงสาวสวม

      รองเท้าคู่นี้ตาหวานยืมลินลาศมา
      เจ้าหล่อนบอกว่าเป็นรองเท้าที่ซื้อมาใส่ตอนแสดงละคร สงสัยจะเป็นละครเรื่องซิลเดอเรลล่า

      “เพราะรองเท้านี่เอง ตาหวานก็แปลกใจอยู่ว่าทำไมใครๆ ถึงพากันเรียกตาหวานว่าซิลเดอเรลล่า”
          
      “เห็นใครหล่อๆ ก็สลัดส้นใส่เลยนะตาหวาน พี่อยากได้น้องเขยรหัสหล่อๆ “
      พี่รหัสหันมาสั่งหญิงสาว ท่าทางเป็นจริงเป็นจังเสียจนอดขำไม่ได้
          
      “จดเบอร์ลงส้นรองเท้าก่อนสลัดนะตาหวาน เขาจะได้ติดต่อได้” อันนี้ป้ารหัสสั่งมา
          
      “ถ้าสลัดแล้วพลาด เกิดคนอื่นเก็บได้แล้วจะทำไงล่ะ” ย่ารหัสตั้งคำถาม
          
      “ไม่เห็นยาก ก็เปลี่ยนแผนเอายาสลบให้เขากินเลยสิคะหนูขา
      เรียนเภสัชทั้งทีของแค่นี้สบายมาก เสร็จแล้วก็จัดการเลย ว้ายๆ…แค่คิดก็น่าลองแล้ว”
      ทวดรหัสให้คำแนะนำในฐานะผู้อาวุโส
          
      ห้าสาวหัวเราะกันใหญ่กับบทสนทนา คำแนะนำของบรรดาพี่ๆ ก็ดีอยู่หรอก
      แต่คงเป็นไปได้ยากเพราะว่าถ้าไกลเกินสองเมตรเธอจะไม่เห็นหน้าใครเลย
      แว่นตาถูกพี่รหัสยึดไว้ตั้งแต่ตอนถ่ายรูป
      พี่เขากลัวว่าเธอจะเอาแว่นมาใส่แล้วจะหมดสวยเลยยึดไว้ก่อน
      เลิกงานค่อยมาเอาคืน ตาหวานเลยต้องจ้องแล้วจ้องอีกว่าใครเป็นใคร
        
          
      หญิงสาวในชุดราตรีสีกุหลาบสะดุดสายตาของอภิณัฐตั้งแต่แรกเห็น
      เธอเป็นใคร? เขาถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ดูจากกลุ่มคนที่รายล้อมเธออยู่
      เธอน่าจะเป็นรุ่นน้องคณะเดียวกันมากกว่าคนนอก
      งานนี้ถูกจัดขึ้นเพื่อเลี้ยงส่งพวกเรียนปี 5 ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ห้ามคนนอกเข้ามาในงาน
      มีหลายคนที่ควงคู่รักมาด้วย เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเธอคนนั้นคงจะยังไม่มีใคร
          
      “พี่ณัฐครับ พี่ณัฐ ได้ยินมั้ยพี่ณัฐ พี่ณัฐ!”
      ยศกรพยายามเรียกรุ่นพี่หลายครั้ง กว่าอีกฝ่ายจะตอบรับก็ตอนออกแรงตะโกนใส่หู
          
      “อ๊ะ! ว่าไงทัวร์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่? ”
      อภิณัฐหันมามองหน้าเหลนรหัสครู่หนึ่งก่อนเบนสายตากลับไปที่หญิงสาว
          
      “มานานแล้วครับพี่ พี่มองอะไรของพี่น่ะ”  
      ชายหนุ่มมองตามสายตาของรุ่นพี่ไป พี่ณัฐกำลังมองกลุ่มหญิงสาวแถวซุ้มกุหลาบ
      แต่จะเป็นใครเขาก็เดาไม่ออก กลุ่มนั้นมีหน้าตาดีหลายคนเสียด้วย
          
      “คนนั้น ชุดแดงน่ะ” อภิณัฐบอกรุ่นน้องอย่างไม่ปิดบัง
      เขาอยากเข้าไปทำความรู้จักเธอแต่ก็กลัวว่าเธอจะมีคนรักแล้ว
      เห็นทีต้องขอแรงพวกรุ่นน้องช่วยสืบให้
          
      “อ๋อ…ยายตาหวาน สนเหรอพี่”
      คนเป็นน้องเอาศอกกระทุ้งอีกฝ่ายพลางส่งสายตาล้อเลียน
      ไม่แปลกที่รุ่นพี่จะชอบยายตาหวาน ก็แปลงร่างออกมาได้สวยปานนั้น
      ตอนเขาเห็นทีแรกสารภาพตามตรงเลยว่าอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
      ปกติเห็นเซอร์ๆ บทจะสวยก็สวยยังกับนางฟ้าจำแลง
      ถ้าไม่เป็นเพื่อนกันมานานจนไม่นึกพิศวาท
      เขาอาจจะเผลอหลงเสน่ห์ยายตาหวานอย่างรุ่นพี่ก็ได้      
          
      “ชื่อตาหวานเหรอ น่ารักดีนี่ มีแฟนรึยัง?”
      เรียบๆ เคียงๆ ถาม ทว่าสายตาปกปิดไม่มิดเลยว่าสนใจเธอมาก
          
      “ยังหรอกพี่ อย่างยายตาหวานน่ะนะยากกกกกก…อยากรู้จักมั้ยพี่ จะพามาคุยด้วย”
      ชายหนุ่มตรงดิ่งไปหาเพื่อนก่อนได้รับการตอบรับหรือปฏิเสธเสียอีก
          
      ตาหวานกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่พอดีตอนที่ยศกรเข้ามา
      มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาขอเธอเต้นรำ อีกสักครู่จะมีการเปิดฟลอร์เต้นรำ
      ชายหนุ่มเลยรีบมาชวนก่อนที่ใครจะตัดหน้าไป
          
      “เต้นรำกับพี่สักเพลงนะครับ”
          
      “เอ่อ…ตาหวานเต้นไม่เป็นน่ะค่ะ เห็นทีจะไม่ไหว”
      พวกเรียนปีสองขึ้นไปจะเต้นรำกันเป็นหมด
      เพราะลีลาศเป็นวิชาเลือกที่ต้องเรียนตอนปีหนึ่งเทอมสอง
      นี่พึ่งจะเทอมแรกตาหวานเลยยังไม่ได้เรียน ใช่ว่าหญิงสาวจะไม่เคยหัดมาเลยเสียทีเดียว
      เธอเคยเรียนมาบ้างตอน ม. ปลาย บอกได้คำเดียวเลยว่าเต้นไม่ได้เรื่อง
      เธอมักสับสนเรื่องจังหวะการเต้นรำ
      สอบผ่านมาได้ก็เป็นบุญโขแล้ว ในความคิดเธอลีลาศยากกว่าสูตรสมการเคมีเป็นไหนๆ
          
      “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่สอนให้” ชายหนุ่มอาสาอย่างมีเจตนาแอบแฝง
      ก็น่ารักออกแบบนี้ให้สอนให้ทั้งคืนก็ยังไหว
          
      “คือแบบว่า…ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอตัวนะคะ”
      ว่าแล้วก็รีบวิ่งหนี เต้นรำเหรอ? ไม่มีทางอ่ะ ให้ทำอย่างอื่นจะง่ายกว่า
          
      ชายหนุ่มทำท่าจะตามตาหวานไป
      ป้ารหัสที่แสนดีก็เลยจัดการลากพ่อหนุ่มรายนั้นไปทางอื่นเสีย
      หน้าตาไม่ถูกใจชั้น อย่าหวังเลยว่าจะมีสิทธิ์มาเกาะแกะกับหลานรหัสที่แสนน่ารัก
      เขยสายรหัสเราต้องหล่อๆ ดีๆ เท่านั้น  

      มีพวกพี่ๆ ช่วยคัดสรร ประกอบกับหน้าตาดีกันทั้งสายรหัส
      เขยรหัสแต่ละคนเลยหล่อชนิดอลังการงานสร้าง
      ไม่ก็ดีชนิดพ่อพระกลับชาติมาเกิดเลยทีเดียว
          
      ตาหวานหนีออกมาอยู่อีกด้านหนึ่งของงาน
      เธอแอบมาหลบอยู่แถวขอบเวทีการแสดง ตอนนี้การแสดงจบลงแล้ว
      ประธานขึ้นเวทีไปประกาศเปิดฟลอร์เต้นรำ
      แสงไฟสว่างไสวถูกหรี่ลงจนเกือบมืด เหลือไว้ให้สว่างเฉพาะตรงกลางห้อง  
          
      หญิงสาวมองภาพเบลอๆ ของผู้คนที่พากันออกไปวาดลวดลายด้วยรอยยิ้ม
      ดูไปแล้วมันก็น่ารักดีเหมือนกัน ถ้ามีแฟนแล้วพาออกไปเต้นแบบนี้ก็คงดี

      มองดูเพลินๆ เห็นคนหน้าตาคุ้นตรงมาแต่ไกล
      จะใครเสียอีกถ้าไม่ใช่รุ่นพี่จอมตื้อ ตาหวานมองไม่เห็นหน้าเขาหรอก
      เธอจำชุดเขาได้ เชิ้ตที่พี่แกใส่สีบาดตายังกับไฟจราจร เตะตาซะไม่มีล่ะ  
          
      หญิงสาวสาวเท้ายาวๆ เดินหนีมาอีกทาง เธอรีบจนเกือบจะไปชนกับใครคนหนึ่งเขา
          
      “ตาหวานครับ” คนที่ตาหวานเกือบจะไปชนเรียกไว้
          
      ตาหวานหยุดอยู่กับที่ต่างฝ่ายตาจ้องหน้ากันนิ่ง
      อภิณัฐเผลอจ้องมองด้วยความลืมตัว ยิ่งมองใกล้ๆ ก็ยิ่งเห็นว่าเธอสวย
      ส่วนตาหวานจ้องเขาเพราะต้องเพ่ง มันไม่มีแว่นนี่นามันเลยเห็นไม่ชัด
      เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาอย่างประหลาด เคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ
          
      “เต้นรำกันมั้ยครับ” ชายหนุ่มค้อมตัวให้แล้วยื่นมือไปข้างหน้า
          
      “ไม่ล่ะคะ ตาหวานเต้นไม่เป็น” เธอหนีเสือมาปะจระเข้เหรอเนี่ย
      (จระเข้หน้าตาล้อหล่อด้วยล่ะ ^0^)
          
      “ไปเถอะตาหวาน เต้นไม่เป็นจะได้หัดไว้”
      คุณทวดรหัสที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ยุส่ง คุณเธอจัดการดึงตาหวานให้ออกไปกับอภิณัฐ
      มองตาก็รู้ว่าชอบยายตาหวาน
      เห็นแก่ความเป็นเพื่อนและหน้าตาหล่อๆ จะช่วยให้สมหวังก็แล้วกัน  
          
      ตาหวานหนีไม่พ้นการฟลอร์เต้นรำจนได้
      เธอจำต้องออกมาเต้นรำกับอภิณัฐด้วยความจำใจ
      โดนพี่นาแยกเขี้ยวใส่อย่างนั้นเธอเลยไม่กล้าขัดใจ
      ไม่ทำตามสิพี่แกได้ตัดออกจากสายรหัสแน่ โทษฐานเป็นน้องไม่รักดีไม่เชื่อฟังพี่
          
      “ไม่ต้องเกรง ขยับเท้าตามจังหวะอย่างนี้”
      เขาสาทิตให้ดู แล้วพาตาหวานเต้นไปกับจังหวะช้าๆ นั้น
          
      อภิณัฐเต้นรำเก่งจนตาหวานต้องยกนิ้วให้
      ไม่ถึงครึ่งเพลงเขาก็สอนคนที่เต้นไม่ได้เรื่องอย่างตาหวานให้เต้นตามจังวะโดยไม่เหยียบเท้าเขาได้
          
      “เก่งนี่ สอนแป๊บเดียวก็เต้นได้แล้ว” เขายิ้มให้ด้วยความเอ็นดู
          
      “พี่เต้นเก่งมากกว่าค่ะ” ตาหวานยิ้มตอบนึกสนุกกับการเต้นรำขึ้นมา
      มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย
          
      เพลงช้าๆ ถูกเปลี่ยนเป็นเพลงเร็วจังหวะสนุกสนาน
      จากการเต้นรำเป็นคู่ คู่ใครคู่มัน ก็มีการเปลี่ยนคู่บ้าง เต้นเดี่ยวบ้าง
      ฟลอร์ลีลาศจึงเปลี่ยนบรรยากาศกลายเป็นดิสโก้เทคภายในเวลาไม่กี่นาที

      ตาหวานเต้นรำจนเหนื่อย เธอไม่เคยรู้สึกสนุกอย่างนี้มาก่อน
      รู้ตัวอีกทีคู่เต้นรำเธอก็หายไปไหนก็ไม่รู้
      หญิงสาวกวาดตามองหาเขาไม่พบ เธอจึงเดินออกมาหาน้ำดื่มแก้กระหาย

      “นายณัฐหายไปไหนแล้วล่ะตาหวาน”
      คุณทวดรหัสจอมจับคู่เอ่ยปากถาม ไปเป็นคู่แต่ไหงกลับมาคนเดียวได้

      “ไม่รู้สิคะ”

      “แล้วนายณัฐคุยอะไรบ้าง”
      กระเถิบเข้าไปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างยิ่ง

      “ก็ธรรมดาน่ะค่ะพี่ มัวแต่เต้นเลยไม่ได้สนใจ”
      เธอรู้แต่ว่าเขาเต้นรำเก่ง แล้วก็ชื่อพี่ณัฐ ส่วนหน้าตาก็เบลอๆ จำไม่ค่อยได้แล้ว

      “เวรกรรม! คุณน้องตาหวานขาหนูทำอะไรลงไป
      นายณัฐนี่สุดหล่อประจำรุ่นเจ๊เลยนะคะหนู ปล่อยให้หล่นหายกลางงานได้ยังไง”
      นัยนาเอามือกุมศีรษะ นายอภิณัฐหายเงียบไปเลย สงสัยถูกสาวไหนงาบไปแล้วล่ะมั้ง

      ตอนนี้ตาหวานไม่สนใจหรอกว่าจะทำใครหล่นหาย
      เธอกำลังตั้งหน้าตั้งตาหายศกรอยู่ นายทัวร์หายไปไหนกัน เธอบอกว่าจะกลับด้วย
      เขาคงไม่ลืมหรอกนะ ถ้าทิ้งกันล่ะก็จะโกรธไม่ยอมพูดด้วยไปตลอดชาติเลยคอยดู  
          
      กว่าจะหายศกรเจองานก็เลิกได้สักพักแล้ว ยศกรยืนอยู่แถวทางออกงานกับอภิณัฐ
      พอหญิงสาวเข้าไปหาเขา ชายหนุ่มจึงแนะนำให้รู้จักกับรุ่นพี่

      “พี่ณัฐนี่เองนึกว่าใคร” ตาหวานเพ่งมองหน้าเขา
      เธอหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม เลนส์แว่นช่วยให้เธอมองเห็นอะไรได้ชัดขึ้นมาก
      เธอพึ่งรู้ตอนนี้เองว่าคนที่นายทัวร์แนะนำให้รู้จักหน้าตาหล่อเหลาเอาการ
          
      “เราจะไปเที่ยวต่อ เธอกลับกับพี่ณัฐนะ”  
          
      “ได้ไงนายทัวร์ ทิ้งกันเฉยเลย รบกวนพี่ณัฐแย่”
      ตาหวานค่อนข้างจะแกล้งใจเขา พึ่งรู้จักกันเมื่อครู่ต้องมารบกวนให้เขาไปส่งเสียแล้ว
          
      “ไม่เป็นไรพี่ยินดีบริการ”
      อภิณัฐยกเหตุผลสารพัดมาอ้าง ไม่นานก็ตะล่อมกล่อมตาหวานให้กลับด้วยจนได้

      รถของชายหนุ่มจอดไว้ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของโรงแรม
      ตาหวานไม่มีความรู้เรื่องรถยนต์แต่ก็พอดูออกว่ารถของชายหนุ่มราคาแพงน่าดู
      กลิ่นน้ำหอมในรถบ่งบอกความเป็นตัวเองของเจ้าของรถได้ดีทีเดียว
      ตาหวานมีความสามารถในการแยกแยะกลิ่นได้ดีเป็นพิเศษ
      โดยเฉพาะความรู้สึกที่ได้จากกลิ่นนั้น กลิ่นในรถให้ความรู้สึกเหมือนกับเขา
      สุขุม สุภาพแต่แฝงด้วยพลัง
          
      ระหว่างที่นั่งรถอภิณัฐชวนตาหวานคุยหลายเรื่อง
      หัวข้อสนทนาที่หลากหลายทำให้คุยกันได้เรื่อยๆ
      ตาหวานคิดว่าอภิณัฐเป็นคนน่ารักคุยสนุก
      แม้จะพึ่งรู้จักแต่เธอก็พูดคุยกับเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ
          
      “พรุ่งนี้ว่างมั้ยครับ พี่อยากจะให้ช่วยเลือกซื้อของให้หน่อย”
      อภิณัฐพูดขึ้นเมื่อมาถึงที่หมาย
          
      “ได้ค่ะ” เขามีน้ำใจพาเธอมาส่งถึงที่แล้วทำไมเธอจะไปช่วยเขาเลือกของไม่ได้  
          
      คุยกับเขาอีกหน่อยตาหวานก็กลับขึ้นไปบนห้อง
      ลินลาศยังไม่หลับตอนที่เธอมาถึง หญิงสาวมองหน้าเธอแล้วก็ร้องกรี๊ดๆ วิ่งมาหา
      ยายลินเป็นอะไรน่ะ เจอผีหรือเจอแมลงสาบ
          
      “ใคร? Who is he? สุดหล่อคนนั้นเป็นใคร ชื่ออะไร”
      เธออยู่ที่ระเบียงพอดีตอนเพื่อนมาถึง
      เห็นนะยะว่ามีหนุ่มหน้าตาหล่อสะท้านใจลงมาเปิดประตูรถให้
          
      “พี่ณัฐ เภสัชปี 5 ชื่อจริงรู้สึกจะชื่อว่า อธิณัฐ”
          
      ได้ยินปุ๊บลินลาศก็ถลาไปที่คอมพิวเตอร์ คีย์ข้อมูลลงไป
      ไม่กี่อึดใจรูปถ่ายพร้อมประวัติย่อๆ ของอภิณัฐก็ปรากฎขึ้นบนจอสี่เหลี่ยม
          
      “เจ้าชายนี่เอง นึกว่าใคร เค้าจีบตัวเองเหรอ”
      หันควับมามองเพื่อนด้วยสีหน้าสีตาภูมิอกภูมิใจ เพราะฝีมือแปลงโฉมของฉันแน่ๆ
          
      “เปล่าหรอก พี่เขาแค่มาส่งน่ะ ตัวเองมีข้อมูลพี่เค้าได้ไงอ่ะ”
      ไม่ยักรู้ว่ายายลินจะมีอะไรอย่างนี้อยู่ในคอมด้วย เอามาจากไหนหว่า?
          
      “เครือข่ายลับเฉพาะสำหรับตามล่าหนุ่มหล่อทั่วเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจ้ะ
      นอกจากสมาชิกแล้วคนนอกจะไม่มีสิทธ์เข้าเว็บเราหรอก
      รูปกับข้อมูลสมาชิกจะคอยแอบสืบแอบถ่ายมาแล้วเอามาอัพเดทลงเว็บน่ะ”
      ไม่อยากจะคุยว่าฝีมือดีระดับต้นๆ ของกลุ่มเลยนะคะ
      เรื่องสืบเรื่องชาวบ้าน วางใจลินลาศได้เลย
          
      ตาหวานอยากจะพูดว่ามันดูเหมือนพวกโรคจิตยังไงก็ไม่รู้ แต่เธอก็ไม่พูด
      ยายลินไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย (คิดว่านะ) ถ้าเขามีความสุขก็ปล่อยเขาไปเถอะ
          
      “แล้วตัวเองเรียกพี่เขาว่าไงนะ เจ้าชายเหรอ”
      ตาหวานถามสั้นๆ เธอได้คำตอบจากเพื่อนสาวกลับมาเป็นโอ่งเลยทีเดียว
          
      สาเหตุที่คนในเว็บตั้งฉายาอภิณัฐว่าเจ้าชายเพราะหน้าตาหล่อบาดใจ
      การศึกษาดี ฐานะที่บ้านเข้าขั้นมหาเศรษฐี ยังโสด และไม่เป็นเกย์
      นอกจากนั้นก็มีคุณสมบัติอันดีอีกร้อยแปดพันเก้าที่ทำให้สาวๆ ตัวสั่นอยากได้มาเป็นแฟน
          
      “แค่ได้เป็นกิ๊กนี่ก็สุดยอดแล้วล่ะ” ลินลาศบอก
          
      ไม่นึกว่าคนที่เธอทำหล่นหายกลางฟลอร์เต้นรำจะเป็นหนุ่มหล่อสุดป็อบขนาดนี้
      พี่นาทำท่าฮึดฮัดใหญ่ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง
          
      คืนนั้นตาหวานเอาเรื่องที่เพื่อนเล่าเก็บไปฝัน
      เธอฝันว่าตัวเองเป็นซินเดอเรลล่าส่วนอภิณัฐเป็นเจ้าชาย
      ในฝันเธอทำรองเท้าแก้วหล่นไว้ในงานและเขาก็ตามหาเธอจนเจอและขอเธอแต่งงาน
      หญิงสาวสะดุ้งตื่นเสียก่อนที่จะได้ตอบรับหรือปฏิเสธเขา

      เธอเล่าเรื่องนี้ให้ลินลาศฟัง
      เพื่อนสาวบอกว่าเสียดายน่าจะฟังเลยไปถึงคืนแต่งงานท่าทางจะเป็นฝันที่สนุกพิลึก

      “ตัวเองจะไปไหน” คุยกันตั้งนานพึ่งสังเกตว่าวันนี้รูมเมทแต่งตัวเหมือนจะออกไปข้างนอก

      “ไปซื้อของเป็นเพื่อนพี่ณัฐ”

      คำว่าพี่ณัฐทำลินลาศตาโต
      เธอหรี่ตามองเพื่อนแล้วสั่งให้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
      ได้ฟังเรื่องทั้งหมดคุณเธอก็ลงความเห็นว่าเจ้าชายต้องจีบเพื่อนเธอแน่

      “พูดเข้านั่น ไม่มีทาง” ตาหวานยักไหล่แล้วลงไปรอเขาด้านล่าง
      เธอไม่ยอมให้เพื่อนจับแต่งตัวให้เพราะคิดว่าไม่จำเป็น
      ถ้าเขาชอบเธอก็ต้องชอบที่เธอเป็นเธอไม่ใช่ชอบที่หน้าตา

      อภิณัฐไม่ได้พูดอะไรตอนที่มาเห็นสภาพตาหวานเวลาปกติ
      ผมฟูไปนิดแต่ก็ดูเป็นธรรมชาติดี หน้าใสๆ ไม่ได้แต่งแต้มดูดีไปอีกแบบ
      ชุดเรียบๆ ก็ดูน่ารักไม่เห็นจะเป็นไร จะเสียก็แต่…

      “ทำไมตาหวานไม่ใส่คอนแทคเลนส์ล่ะครับ เสียดายตาสวยๆ ถูกแว่นบังหมด”
      สารภาพก็ได้ว่าเขาหลงรักเธอเพราะตา ตาเธอสวยมาก สวยอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

      “ตาหวานกลัวเวลาใส่น่ะค่ะพี่ ไม่เอาด้วยเด็ดขาด”

      เห็นท่าทางเธอไม่ชอบคอนแทคเลนส์เอามากๆ เขาเลยไม่เซ้าซี้อะไรอีก
      ชายหนุ่มพาเธอมาร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง
      ร้านนี้ค่อนข้างกว้าง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นพวกคนทำงาน
      ของแต่ละชิ้นราคาแพงชนิดตาหวานไม่กล้าแตะเลยทีเดียว

      อภิณัฐอยากได้ของที่เป็นคู่สำหรับใส่คู่กับคนรัก
      ที่แท้เขาก็มีคนรักอยู่แล้ว ยายลินเอาอะไรมาพูดก็ไม่รู้ หาว่าพี่เขาจีบเธอได้

      ตาหวานบรรจงเลือกให้เขาสุดความสามารถ
      สุดท้ายก็ได้จี้รูปร่างแปลกมาสองอัน จี้สองอันนี้ทำจากทองคำขาว
      ลักษณะมันเหมือนสี่เหลี่ยมผืนผ้าตรงปลายด้านหนึ่งมีร่องอยู่
      ถ้าเอาทั้งสองอันมาประกบกันแล้วมันจะกลายไม้กางแขน
      ตาหวานคิดว่ามันน่ารักดี เหมือนจะสื่อความหมายว่า
      คนสองคนจากต่างที่ต่างทางต่างจิตใจก็สามารถหลมอรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้

      อภิณัฐท่าทางจะชอบเจ้าจี้นี่มาก เขาใส่มันทันทีที่ซื้อออกจากร้าน
      เพื่อเป็นการตอบแทนเขาพาหญิงสาวมานั่งทานอาหารที่ร้านหรูแห่งหนึ่ง
      บรรยากาศโรแมนติกเหมาะกับการสารภาพรักเป็นที่สุด

      “ร้านนี้น่ารักมากเลยค่ะพี่ณัฐ ถ้าพาแฟนมาล่ะก็เหมาะเลย”

      ตาหวานมองสำรวจร้านฆ่าเวลาระหว่างรออาหาร ร้านนี้สวยจริงๆ
      ทั้งร้านตกแต่งด้วยดอกกุหลาบทั้งของจริงแล้วก็ของปลอม
      ที่นั่งกั้นเป็นสัดส่วนให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว
      ตรงนี้มองออกไปจะเห็นสวนสวยๆ ของร้านด้วย
      พี่แก้มเนียนน่าจะมาเห็นจะได้จำไปปรับใช้กับที่ร้าน

      อาหารที่นี่อร่อยใช้ได้ แต่สู้ของที่ร้านพี่สาวเธอที่เชียงใหม่ไม่ได้
      ร้านอาหารเป็นกิจการอย่างหนึ่งของพี่บ้าน พ่อกับแม่ยกให้พี่แก้มเนียนเป็นคนดูแล
      พี่สาวเธอเรียนจบด้านอาหารมา ฝีมือทำกับข้าวรับประกันว่ากุ๊กโรงแรมบางคนยังอาย

      “รู้มั้ยของนี่พี่จะให้ใคร” อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ถามขึ้น

      ตาหวานส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้เธอมีของหวานอยู่เต็มปากทำให้พูดไม่สะดวก

      “พี่อยากให้ผู้หญิงคนหนึ่ง พี่แอบชอบเขาอยู่เลยอยากจะให้ของชิ้นนี้เพื่อบอกรักเธอ”
      เขาส่งสายตาบอกมาชัดเจนว่าคนๆ นั้นคือตาหวาน
      เสียดายแม่หนูตาหวานเธอไม่รับรู้เอาเลยว่าเขาหมายถึงเธอ
      พอเขายื่นกล่องของขวัญมาให้เธอเลยงงเป็นไก่ตาแตก

      “ให้ตาหวานเหรอคะ”
      เครื่องหมายคำถามลอยฟ่องอยู่ทั่วตัวหญิงสาว
      ไหนว่าจะให้คนที่ชอบไง แล้วเอามาให้เธอทำไม?
          
      “พี่ชอบตาหวาน คบกับพี่นะ”
          
      ตาหวานอ้าปากค้าง เกิดมาไม่เคยถูกใครจีบมาก่อน
      ปุ๊บปั๊บก็ถูกรุ่นพี่สุดหล่อขอคบด้วย เธอเลยตกใจพูดอะไรไม่ออก
      จะบอกว่าไม่รู้สึกดีๆ ด้วยเลยมันก็ไม่ใช่
          
      หญิงสาวตัดสินใจเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ตั้งใจจะบอกว่ามันเร็วเกินไป
      อย่างน้อยก็ขอเวลาเธอกลับไปคิดหน่อยก็ยังดี
      เขาเหมือนอ่านความคิดเธอออกเพราะชิงพูดออกมาก่อน

      “พี่ไม่เร่งตาหวานหรอกนะ พี่แต่อยากให้ตาหวานรับเอาไปรับพิจารณา
      ถ้ายังไม่พร้อมเราเป็นพี่ชายน้องสาวกันก่อนก็ได้”
      เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและเขร็งขรึม
      วินาทีนั้นเองที่ทำให้ตาหวานนึกออกว่าเธอเคยพบเขาที่ไหน เธอรู้แล้วล่ะว่าควรจะให้คำตอบเขาอย่างไร

          
      ที่หอพักลินลาศชะเง้อคอยจนคอแทบหักรอรูมเมทกลับมา
      เธออยากรู้ใจจะขาดว่าอภิณัฐจะมีท่าทีอย่างไร เธอยอมรับว่าชอบหน้าตาของเขา
      อย่าพึ่งเข้าใจผิดไปว่าเธอชอบเขาล่ะ
      เธอไม่ได้ชื่นชอบเขามากไปกว่าหนุ่มรูปหล่อคนอื่นๆ หรอก
      ที่อยากรู้เรื่องเขาเพราะจะเอาข้อมูลไปอัพเดทลงเว็บไซค์ต่างหาก
          
      บ่ายแก่ๆ เพื่อนเธอก็กลับเข้าห้องพร้อมด้วยรอยยิ้ม
      สืบถามได้ความว่าคุณเธอถูกเจ้าชายขอคบด้วย โอ้ว้าว! ซิลเดอเรลล่ามีจริงๆ ด้วย
          
      “แล้วเธอตอบว่าไง” ลุ้นระทึก ถ้าคุณเธอปฏิเสธ แม่จะเชือดทิ้งให้ดู

      “ปฏิเสธไปน่ะสิ” พูดแบบเต็มปากเต็มคำ
      รูมเมทที่เคารพเลยมองหามีดใหญ่ จะเอามาเชือดคอยายเพื่อนตัวดี
      แต่ก่อนจะสังหารโหดต้องให้โอกาสจำเลยแก้ต่างเสียหน่อย เหตุผลไม่มีน้ำหนักพอน่าดูชม

      “พี่ณัฐชอบเค้าเพราะหน้าตา พี่เขายังไม่ทันได้รู้นิสัยใจคอเลยก็ขอคบแล้ว
      ชอบง่ายแบบนี้เห็นได้ชัดๆ เลยว่าเบื่อง่ายแน่ เค้าจะคบกับคนที่เค้ามั่นใจเท่านั้น
      คนแบบนี้ไม่ไหวหรอก”
      ตาหวานอธิบาย ต่อให้หล่อและดีกว่านี้สิบเท่า
      แต่ไม่ได้ชอบที่เธอเป็นเธอ ยังไงก็ทำใจคบด้วยไม่ได้อยู่ดี

      “มันก็จริง แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่าพี่เขาอาจจะปิ๊งเธอในทีแรกที่เห็น
      แบบรักแรกพบอะไรอย่างเงียะ ทีเจ้าชายยังหลงรักซิลเดอเรลล่าตั้งแต่แรกเห็นได้เลย”

      “ถึงเป็นอย่างงั้นก็ช่างหัวพี่เขาเหอะ อกหักไปแหละดีแล้ว
      ไอ้เราก็ว่าหน้าคุ้นๆ ที่ไหนได้ ไอ้พี่ว้ากสุดโหดนี่เอง เค้านะโคตรเกลียดเลย”
      มาแล้วสาเหตุที่แท้จริงของการที่พ่อหนุ่มอภิณัฐถูกปฏิเสธ

      ยายตาหวานเธอเกลียดใครแล้วเธอจะเกลียดแบบฝังลึก
      ตอนเข้าห้องเชียร์มีพี่ว้ากสุดโหดคนหนึ่ง ทั้งโหดทั้งใจร้าย
      สั่งเธอวิ่งเสียจนหอบ ปวดขาก็ปวด เหนื่อยก็เหนื่อย
      ตาหวานตั้งใจจะจำหน้าหมอนี่ไว้จนวันตาย
      แต่พอเลิกห้องเชียร์ก็ดันเผลอลืมไปหน้าตาเฉย มาเจออีกทีเลยแค่คุ้นๆ
      กว่าจะนึกออกว่าเป็นใครก็นานสองนาน โชคดีที่ไม่หลวมตัวไปคบด้วย      
          
      “นั่นมันหน้าที่พี่เขา พี่ว้ากก็ต้องโหดสิ จะให้ใจดีได้ยังไง ยายประสาท”
      ลินลาศอดแว้ดใส่เพื่อนไม่ได้
          
      “ไม่รู้ล่ะ เค้าไม่ชอบนี่ อกหักได้ก็ดี ฮ่ะๆๆ สะใจ” คืนนี้ท่าทางจะหลับฝันดีทั้งคืนแน่เรา  
          
      ลินลาศกุมขมับกับความคิดของเพื่อน
      หญิงสาวได้แต่นั่งทำใจแล้วหย่อนตัวเองลงหน้าจอคอมพิวเตอร์  
      รัวแป้นพิมพ์ข้อความลงไปในกรอบสี่เหลี่ยม
          
      “เจ้าชายถูกหักอกโดยหญิงสาวนิรนามสาเหตุเพราะเป็นว้ากเกอร์”
      หัวข้อนี้รับประกับเป็นประเด็นเมาท์แตก ใช้หญิงสาวนิรนามแหละดีแล้ว
      ขืนบอกว่าเป็นยายตาหวานน่ากลัวว่าคุณเธอจะถูกรุมตบเพราะความหมั่นไส้

      ตอนจบของนิทานเรื่องนี้เจ้าชายก็ยังคงคู่กับซิลเดอเรลล่าเหมือนเดิม
      แต่เป็นซิลเดอเรลล่าคนอื่นนะ ไม่ใช่นางสาวตาหวานคนนี้แน่ๆ
          
                                                  - End -

      เรื่องนี้เขียนไว้เมื่อสามสี่เดือนก่อนแต่ไม่มีเวลาเอามาลงสักที
      ไหนๆ ก็จะปีใหม่แล้วเลยถือโอกาสขุดออกมาแก้แล้วส่งซะเลย
      ปีใหม่ขอให้ทุกๆ คนมีความสุขมากๆ นะคะ
      Happy new year คะ ^0^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×